วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

Review ภาพยนต์เรื่อง The Danish Girl (2015)



The Danish Girl (2015)
เราชอบที่หนังถ่ายทอดสภาวะในจิตใจของคนข้ามเพศ (ภาษาอังกฤษใช้ว่า transgender) ออกมาจับความรู้สึกของเรา มันดูเป็นหนังที่หยิบเอา inside ของคนข้ามเพศมาเล่าถึงความสับสนของเพศสภาพใจเป็นหญิงกายเป็นชายคล้ายคนสองบุคลิก ซึ่งด้วยสถานะทางสังคมทำให้เขาต้องพยายามปลุกบุคลิกเพศชายขึ้นมาข่มเพศหญิงตลอด แต่ทั้งนี้คนที่มีตัวตนเป็นหญิงมาตลอดยังไงสักวันก็ต้องได้รับการปลดปล่อยบุคลิกแท้จริงออกมา
.
หนังเล่าถึงเส้นทางการผ่าตัดแปลงเพศของ 'ไอนาร์/ลิลี่' (Eddie Redmayne) ทั้ง ๆ ที่เขามี 'เกอร์ด้า' (Alicia Vikander) เป็นภรรยาอยู่แล้ว
.
ความยาวสองชั่วโมงของหนังอาจจะดูยาวไปสักหน่อยเมื่อมองดูการเล่าเรื่องที่มีความเชื่องช้าในหลายจังหวะ ตัวบทหนังค่อนข้างเรียบไม่ได้หวือหวาอะไรตามสไตล์งานของทอม ฮูเปอร์ (The King's Speech, Les Miserables) ที่ดูจะเน้นสื่อสารด้านอารมณ์ระหว่างตัวละครกับคนดูมากกว่า ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะหนังถ่ายทอดจิตใจของคนข้ามเพศได้จับความรู้สึกของเราเป็นอย่างดี
.
เราชอบที่เขาอธิบายเรื่องคนข้ามเพศออกมาได้ชวนเห็นภาพ เป็นเรื่องของคนที่คล้ายมีสองบุคลิกอยู่ในตัว มีความสับสนทางเพศ อาจจะเคยปล่อยด้านเพศหญิงออกมาแต่ด้วยสภาพสังคมที่ไม่ยอมรับทำให้ความเป็นชายตามเพศสภาพนั้นถูกแสดงออกมาโดยขังด้านหญิงเอาไว้ยาวนาน ซึ่งพอมีโอกาสได้เปิดเผยด้านดังกล่าวจึงเริ่มค่อย ๆ เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นเพศหญิงที่อาศัยอยู่ร่างกายของผู้ชาย
.
ชอบอีกอย่างคือหนังเลือกจะโฟกัสที่การเปลี่ยนแปลงจากชายเป็นหญิงเพียงอย่างเดียว โดยเสริมด้วยเรื่องความรักของเกอร์ด้าที่มีต่อสามีของเธอ ไม่ว่าเขาจะแสดงออกด้านไอนาร์หรือลิลี่ เธอก็ยังคงปฏิบัติดูแลเขาเป็นอย่างดี หนังได้การแสดงที่ยอดเยี่ยมของอลิเซีย วิแกนเดอร์ ในการช่วยบอกเล่าความรู้สึกที่หลากหลายของตัวละครดังกล่าวซึ่งเต็มไปด้วยความสับสนที่เห็นคนรักเปลี่ยนแปลงไป (ที่เข้าชิงออสการ์สมทบหญิง ผมดูไป 4 คนแล้วเหลือแค่รูนี่ย์ มาร่าใน Carol ตอนนี้ยกให้อลิเซียเต็งหนึ่งเลย)
.
การที่หนังเลือกโฟกัสจุดหลักเพียงอย่างเดียวทำให้เราแทบจะไม่เห็นการเทน้ำหนักเรื่องไม่ได้รับการยอมรับในสังคมยุคที่คนข้ามเพศถูกมองเป็นพวกกามวิปริตหรืออาการป่วยทางจิตร้ายแรง ซึ่งเราค่อนข้างโอเคที่หนังไม่ได้ให้ความสำคัญกับสายตาคนนอกขนาดนั้น เพราะการโฟกัสที่ความเปลี่ยนแปลงมันช่วยให้เราอินในส่วนของ inside ตัวตนคนข้ามเพศ ซึ่งเราไม่ได้อยากเห็นมุม outside ที่เป็นเรื่องการอยู่ในสังคม
.
พูดถึงการแสดงของเอ็ดดี้ เรดเมย์นสักนิดว่าเล่นดีคู่ควรกับการมีชื่อเข้าชิงออสการ์การแสดงนำยอดเยี่ยมฝ่ายชาย ชอบจริตจะก้านเวลาเขาแสดงออกด้านเพศหญิงออกมา เชื่อว่าเขามีจิตใจผู้หญิงในร่างชายจริง ๆ เช่นเดียวกับเวลาสวมบุคลิกเพศชายก็มองออกว่าเก็บซ่อนอีกตัวตนเอาไว้ แต่ถ้าว่าถึงขั้นจะเป็น winner ไหม ส่วนตัวคิดว่าเขายังไม่ถึงขั้นนั้นนะ
Director: Tom Hooper
novel: David Ebershoff
screenplay: Lucinda Coxon
Genre: biography, drama, romance
7.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น